วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำขวัญ ปรัชญา วิสัยทัศน์ สี

๑.       คำขวัญหมู่บ้าน

ถิ่นโคขุนเนื้อดี  หมอเหยาประเพณีค่าล้ำ
ระบือนามข้าวเกรียบหวาน  สวยตระการสาวญ้อ
งามเลิศละออผ้าไหม  ศูนย์รวมจิตใจวัดศรีบุญเรือง
๒.     ปรัชญา

ฮักแพง  แบ่งปัน
สร้างสรรค์ภูมิปัญญาชาวบ้าน
สืบสานวัฒนธรรมประจำถิ่น

๓.      วิสัยทัศน์

มุ่งมั่นพัฒนาด้านสาธารณูปโภค เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชากรในหมู่บ้าน

๔. สี

ชมพู - ขาว


ชมพู หมายถึง ความอบอุ่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเป็นมิตร
สีขาว หมายถึง ความบริสุทธ์ ความศรัทธา ความสะอาด ความยุติธรรม

วิถีชีวิต

วิถีชิวิต

๑.       จำนวนครัวเรือน   ๑๘๔ ครัวเรือน

๒.     การประกอบอาชีพ
๑.      เกษตรกรรม ( ทำไร่/ทำนา/ทำสวน/เลี้ยงสัตว์ )                  ๑๖๐       ครัวเรือน
๒.    ค้าขาย                                                                                                      ครัวเรือน
๓.     การประมง                                                                                              ครัวเรือน
๔.     ทำงานประจำ / รับราชการ                                                                ครัวเรือน
๕.     ทำงานประจำ / บริษัทเอกชน / โรงงาน                                              ครัวเรือน
๖.      ว่างงาน                                                                                                        ครัวเรือน

๓.      เศรษฐกิจหมู่บ้าน
รายได้  ( บาท / ปี )
รายจ่าย ( บาท / ปี )
หนี้สินทั้งหมด
๑,๘๐๐,๐๐๐
๙๐๐,๐๐๐
๔,๘๐๐,๐๐๐

๔.      จำนวนกลุ่มกิจกรรม / อาชีพ
มีการรวมกลุ่ม ๕ ดังนี้
๑.      กลุ่มทอผ้าไหม
๒.    กลุ่มผู้เลี้ยงโคขุน
๓.     กลุ่มผู้เลี้ยงปลาดุก
๔.     กลุ่มธนาคารโคกระบือ
๕.     กลุ่มเกษตรทำนา

๕.     กองทุนหมู่บ้าน
มีจำนวน ๓ กองทุน ดังนี้
๑.      กองทุนเงินล้าน                                                          มีงบประมาณ      ๒,๒๐๐,๐๐๐        บาท
๒.    กองทุน กข.คจ.                                                          มีงบประมาณ       ๒๘๐,๐๐๐            บาท
๓.     กองทุน ต่อยอดร้านค้าชุมชน                                  มีงบประมาณ       ๒๕๐,๐๐๐            บาท

ภูมิประเทศ

 
 ภูมิประเทศ
              บ้านป่าขาว ตำบลด่านม่วงคำ อำเภอโคกศรีสุพรรณ จังหวัดสกลนคร มีพื้นที่ 1.30 ตารางกิโลเมตร  ตั้งอยู่ที่ละติจูด 17.07891 องศาตะวันออก ลองติจูด 104.30615  องศาเหนือ เป็นที่ราบลุ่มโดยรอบหมู่บ้านเป็นทุ่งนา มีลำห้วยที่ใช้ในการทำการเกษตร 2 แห่ง

 

ภาพมุมสูง ( มองจากบ้านหนองแข้ )
 
             * ทิศเหนือติดกับ บ้านลาดค้อ
             * ทิศไต้ติดกับ บ้านหนองแข้
             * ทิศตะวันออกติดกับ บ้านม่วงไข่
             * ทิศตะวันตกติดกับ บ้านน้อยหนองกอม

              สภาพภูมิอากาศ  โดยทั่งไปมี 3 ฤดู คือ
             * ฤดูหนาว ช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึง กุมภาพันธ์
             * ฤดูร้อน ช่วงเดือน มีนาคม ถึง พฤษภาคม
             * ฤดูฝน ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง ตุลาคม




ประชากรบ้านป่าขาว


จำนาวนประชากร ( คน )
จำนวนครัวเรือน
ชาย
หญิง
รวม
๓๕๐
๓๓๑
๖๘๑
๑๘๔


ชาย
หญิง
รวม
ผู้สูงอายุ ( ๖๐ ปี ขึ้นไป )
๔๒
๕๓
๙๕
คนพิการ
๑๘
๒๕
๔๓


ประวัติความเป็นมาของหมู่บ้านป่าขาว และบ้านคำฮุย


 


บริเวณบ้านคำฮุย ปัจจุบันเป็นวัดศรีสว่างคำฮุย


 ประวัติความเป็นมาของบ้านคำฮุย ( คุ้มคำฮุย ) 

       บ้านคำฮุย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๐๑๒ เดิมทีในอดีตคำฮุยเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่มีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะมีหนองน้ำขนาดใหญ่ ( ชื่อหนองคำฮุย ) เป็นที่ทำมาหากินของชาวบ้านในคราวครั้งอดีต   เดิมชาวบ้านคำฮุยมีถิ่นฐานเดิมอยู่ที่เมืองมหาชัย   ประเทศลาวโดยมีนายศรีสว่าง ( ไม่ทราบนามสกุล ) เป็นหัวหน้าในการนำมาเมื่อปีพ.ศ.๒๐๐๒ โดยประมาณ มีพรรคพวกมาด้วยกัน  ประมาณ  ๑๐  ครอบครัวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ใกล้หนองน้ำคำฮุย เรียกกันตามภาษาท้องถิ่น ในปีเดียวกัน ก็ได้ขยายบ้านเรือนออกไป ๑๕ ครอบครัว แต่ก็ยังขาดผู้ปกครองจึงพร้อมใจกันจัดเลือกหาผู้ปกครองท้องถิ่นขึ้นโดยได้นายศรีสว่างเป็นกวานบ้านขึ้น (คือเป็นผู้ใหญ่บ้าน )ตามภาษาลาวเขาเรียกกัน ได้พร้อมใจกันพัฒนามาโดยลำดับ  แต่ยังขาดวัดวาอารามจึงได้พร้อมใจกันสร้างวัดขึ้น  มีกุฏิ ๑ หลังพอสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วไม่มีพระเณรที่จะอยู่จึงได้กลับไปประเทศลาวซึ่งเป็นบ้านเดิม ได้นิมนต์พระขันธ์ ( ไม่ทราบฉายา ) พร้อมกับสามเณร๒ รูป ในปีพ.ศ.๒๐๓๖หลังจากนั้นอีกประมาณ ๑๐ ปี ก็ได้พร้อมใจกันก่อสร้างสิม ( พระอุโบสถ ) โดยยกพื้นพูนดิน หลังคามุงกระดานไม้แดง เสร็จเมื่อประมาณปีพ.ศ.๒๐๔๖  มีการผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตขึ้นในปีนั้นเอง

รายนามพระสงฆ์ที่เป็นเจ้าอาวาสในบ้านคำฮุย
 รูปที่๑.พระขันธ์พ.ศ.๒๐๓๖ ๒๐๖๖
รูปที่๒.พระเสือพ.ศ.๒๐๗๖ - ๒๑๐๐
รูปที่๓.พระโชตพ.ศ.๒๑๐๐ ๒๑๒๐
รูปที่๔.พระศรีจันทร์พ.ศ.๒๑๒๐ ๒๑๕๖
รูปที่๕.พระสัมมาพ.ศ.๒๑๕๖ ๒๑๗๑
รูปที่๖.พระจูมทองพ.ศ.๒๑๗๑ ๒๑๙๕
รูปที่๗.พระเคนพ.ศ.๒๑๙๕ ๒๒๑๐
รูปที่๘.พระบุญมีพ.ศ.๒๒๑๐ ๒๒๓๐
 เมื่อมีเหตุเกิดขึ้นที่บ้านคำฮุย จึงทำให้บ้านคำฮุยกลายเป็นบ้านร้าง คือเกิดโรคระบาด ( โรคห่า ) ขึ้นภายในหมู่บ้าน โดยชาวบ้านคิดว่าเกิดจากบางคนทำผิดผีเพราะคนในสมัยนั้นยังคงมีความเชื่อและนับถือ ภูต ผี ปีศาจ ควบคู่ไปกับความเชื่อทางศาสนาไปด้วยจึงคิดว่าผีมาฆ่าคนในหมู่บ้านตาย  จึงพากันอพยพหนี ไปประเทศลาวบ้าง  ไปตั้งถิ่นฐานใหม่บ้างและล่มสลายในปี ๒๔๑๔ โดยในปัจจุบันนี้มีหมู่บ้านเกิดขึ้นถึง ๖ หมู่บ้าน มีดังนี้บ้านหนองแข้    บ้านป่าขาว   บ้านลาดค้อ  บ้านม่วงไข่    บ้านลาดดู่  บ้านลาดดู่โคกโดยทุกหมู่บ้านพูดภาษาย้อเป็นภาษาหลักในการสื่อสารกันและภาษาเขียนมีภาษาลาวอิสาน ภาษาขอม ภาษาธรรม และ ประเพณีเลี้ยงผีโบราณในเดือน ๔
      
 
  ประวัติหมู่บ้านป่าขาว
            บ้านป่าขาวถิ่นเดิมคือบ้านคำฮุย ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร บ้านคำฮุยอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านป่าขาว

บริเวณบ้านคำฮุย ปัจจุบันเป็นวัดศรีสว่างคำฮุย
สมัยนั้นบ้านคำฮุยเดือดร้อน ผู้คนเจ็บไข้ได้ป่วย ล้มตายเป็นจำนวนมาก เพราะเกิดโรคระบาดมีคนตายวันละ 5 - 10 คน ชาวบ้านเกิดความหวาดกลัว จึงแตกแยกไปคนละทิศละทาง และล่มสลายในปี 2414
           ในปี พ.ศ.2414 นี้เอง มีนายคำภู หรือนายคำภูวงศ์ ปาระคะ กว้านพี่น้องมาตั้งบ้านอยู่ที่บริเวณปัจจุบัน ในบ้านนี้มีไม้ขาวมากที่สุด เลยตั้ชื่อหมู่บ้านว่า บ้านป่าขาว  ซึ่งบรรณพบุรุษผู้ก่อตั้งบ้านป่าขาวคือคือนายคำภูวงศ์ ปาระคะ และเป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรกของบ้านป่าขาวจึงถือได้ว่าเป็นต้นตระกูล “ปาระคะ”ในปัจจุบัน
ในการมาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกมี 14 ครอบครัว ประชากรในตอนนั้น 61 คน เป็น ชาย 28 คน หญิง 33 คน
ในขณะนั้นมีคนที่มาตั้งบ้านอยู่ด้วยคือ
       1.นายคำภูวงศ์ ปาระคะ มีลูกมาด้วย 4 คน คือ 1.นางบัว 2.นางมา 3.นายแพง 4.นายพา ปาระคะ ส่วนเมียนายคำภูวงศ์ตายตั้งแต่อยู่บ้านคำฮุยแล้ว
       2.นายทิศสอน เมียชื่อนางสี ปาระคะ มีลูกมาด้วยคือ 1.นายแต 2.นายแล ส่วนน้องของนางสีที่มาด้วยกันคือ 1.นายสงกาค์ 2.นางชา 3.นายชอน 4.นายไสย 5.นางเชาะ
       3.นายสิงห์ เมียชื่อนางบาง ปาระคะ มีลูกมาด้วยกัน 6 คน คือ 1.นางสอน 2.นายช้อน 3.นายสี 4.นางส่อย 5.นายยอย 6.นางโด้ง
       4.นายพวง เมียชื่อนางพา มีลูกมาด้วยคือนางกา
       5.นายสา เมียชื่อนางพันมหา โสมนาม มีลูกมาด้วยคือนายล้อย
       6.นายเชียงกันญา เมียชื่อนางแพง ปาระคะ และมีลุงจารย์เสือและลูกมาด้วยคือนางเข็มและนางเทียน
       7.นางบ็อกแม่นางออ ส่วนพ่อตายตั้งแต่บ้านคำฮุย
       8.นายทิศสุภา เมียชื่อนางอ่อน ปาระคะ มีลูกมาด้วยคือนางหนู ส่วนนางไอ่น้องของนางอ่อนก็มา
       9.นายคำพอง เมียชื่อนางพิมพ์ มีนางดวงพี่ของนางพิมพ์มาด้วย
       10.นายเชียงบาน กับเมียชื่องนางครอง
       11.นายทิศพล เมียชื่อนางหล่า โสมนาม มีน้องของนางหล่ามาด้วยคือ 1.นางสิม 2.นางตั้น 3.นายคำ ปาระคะ
       12.นายชาลี เมียชื่อนางพอง โสมนาม
       13.นายชม เมียชื่อนางมูย โสมนาม มีลูกมาด้วยคือนางหมองและนางจันทร์ กับนายเชียงมาด้วย
       14.นายจารย์แสง เมียชื่อนางอุ่น ปาระคะ มีลูกมาด้วยคือ 1.นางลี 2.นางนีกา





วัดศรีบุญเรือง และงานบุญประเพณี





ประวัติวัดศรีบุญเรือง

                     วัดศรีบุญเรือง  ตั้งอยู่เลขที่ ๗๙  บ้านป่าขาว  หมู่ที่ ๗  ตำบลด่านม่วงคำ  อำเภอโคกศรีสุพรรณ   จังหวัดสกลนคร  สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย  ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่  ๗ ไร่  ๑๖ ตารางวา  น.ส.๓ ก. เลขที่  ๔๑๕  อาณาเขต  ทิศเหนือประมาณ    เส้น    วา    ศอก  จดทางสาธารณประโยชน์  ทิศใต้ประมาณ    เส้น  ๑ วา    ศอก  จดที่นายสีฟอง  แก้วเคน  ทิศตะวันออกประมาณ    เส้น  ๑๐ วา  จดทางสาธารณประโยชน์ , ที่นายถวิล  ปาระคะ  ทิศตะวันตกประมาณ    เส้น  ๑๐  วา  จดทางสาธารณประโยชน์ , ที่นายสุ่ย  โสมนาม , นายถวิล  ปาระคะ , นายสีทัน  ปาระคะ  มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน    แปลง  เนื้อที่    งาน  ๔๐  ตารางวา  น.ส. ๓ ก.  เลขที่ ๔๓๑  อาคารเสนาสนะประกอบด้วยศาลาการเปรียญ    ชั้น    หลัง   กุฏิสงฆ์    หลัง  สิมน้ำ    หลัง   ศาลาบาตรสวรรค์     หลัง   โรงครัว     หลัง    เวจจกุฏี     หลัง   

ปูชนียวัตถุมีพระประธาน

พระพุทธชินราช    องค์   พระพุทธรูปประทานพร    องค์   พระพุทธรูปปางสามาธิ     องค์  พระพุทธรูป  พระสารีบุตร    องค์  พระโมคคัลลานะ    องค์  ทั้งหมดเป็นพระสำริต

 วัดศรีบุญเรือง  ตั้งวัดเมื่อ  ปีพ.ศ.๒๔๗๐  โดยมีนายคำ  ปาระคะ ผู้ใหญ่บ้านป่าขาวเป็นผู้ชักชวนชาวบ้านสร้างวัดขึ้นในที่ดินซึ่งได้รับบริจาคจากนายบัน   ปาระคะ , นายผิว  โสมนาม  และ นายชาลี   ปาระคะ

การบริหาร และ การปกครอง  มีเจ้าอาวาสเท่าที่ทราบนาม มีดังนี้  คือ

รูปที่  ๑.  พระสุข               ปริชาโน 

รูปที่  ๒. พระอ่อน            อนุตฺตโร

รูปที่  ๓. พระกิ้น               กนฺตสีโล

รูปที่  ๔. พระบุญสงค์       จกฺกธมฺโม

รูปที่  ๕. พระอธิการคำแต้ม      อินทฺปญฺโญ

รูปที่  ๖. พระใบฏีกานวน          จารุวณฺโณ          ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๓๗ ๒๕๔๒

รูปที่  ๗. พระอธิการสอน          ชวโน                 ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๔๔ ๒๕๕๐

รูปที่  ๘ . พระอธิการสมควร     ปญฺญาวุฑฺโฒ     ตั้งแต่ปีพ.ศ. ๒๕๕๑ – ปัจจุบัน   

 

http://sriboonrueng.blogspot.com

เว็บวัดศรีบุญเรือง คลิกที่นี่



กำหนดงานบุญประเพณี
ขออภัย กำลังปรับปรุงข้อมูล